น้ำมันจระเข้ คนจีนชอบใช้ แต่ไม่ใช่ทุกจีนที่จะรู้จัก?



ชาวจีนนั้นรู้จักและพบว่ามีการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์จากจระเข้มาตั้งแต่สมัยอารยธรรมจีนโบราณเมื่อราว 4000 ปีก่อน เริ่มในสมัยราชวงศ์เซี่ย(Xia dynasty) ซึ่งถือเป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จีน ต่อเนื่องมายังราชวงศ์ซาง(Shang dynasty) เนื้อจระเข้กลายเป็นอาหารขึ้นโต๊ะในงานเลี้ยงรื่นเริงของราชสำนักและเหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง โดยเฉพาะสมัยราชวงศ์หมิง(Ming dynasty)นั้น ในบันทึกตำรายาสมุนไพรและการแพทย์แผนจีนโบราณ “เปิ่นเฉ่ากังมู่ (The Compendium of Materia Medica)”  ตำรายาสมุนไพรอมตะในประวัติเภสัชศาสตร์ของจีน ที่ถูกเรียบเรียงจัดทำขึ้นโดย หลี่สือเจิน (Li Shizen) ผู้ได้ชื่อว่าเป็นทั้งแพทย์และเภสัชกรสมุนไพรชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่ ได้ระบุว่า เนื้อจระเข้นั้นเป็นยาชูกำลังที่มีคุณค่า ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในชั้นผิวหนังและลดจุดด่างดำบนผิว การรับประทานเนื้อจระเข้เป็นประจำจึงช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ลดจุดด่างดำและทำให้มีผิวพรรณที่สวยงาม

นอกจากนี้ในตำราแพทย์แผนจีนอื่นๆและความเชื่อในภูมิปัญญาดั้งเดิม ได้ถือว่าเนื้อจระเข้เป็นสุดยอดอาหารที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคทางเดินหายใจและหอบหืด  เลือดจระเข้ช่วยเสริมธาตุเหล็กและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อุ้งเท้ากับหางจระเข้สามารถนำไปทำอาหารบำรุงเนื่องจากเนื้อจระเข้มีไขมันต่ำและให้โปรตีนสูง มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด

ข้อมูลของตลาดเนื้อจระเข้ทั่วโลกในปัจจุบันระบุว่ากว่าร้อยละ 80 เป็นการจำหน่ายอยู่ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยในจีนแผ่นดินใหญ่มีตลาดสำคัญอยู่ที่เมืองใหญ่ในมณฑลกวางตุ้งได้แก่ กว่างโจวและเซินเจิ้น ซึ่งร้อยละ 60 เป็นเนื้อจระเข้ที่ผลิตเองในประเทศ ส่วนอีกร้อยละ 40 เป็นการนำเข้าจากไทย อินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา เวียดนาม และออสเตรเลีย โดยมีประเทศไทยเป็นตลาดนำเข้ารายใหญ่ที่สุดมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณร้อยละ 45 ของการนำเข้าทั้งหมด

ถึงแม้ชาวจีนนั้นจะคุ้นเคยกับทั้งการบริโภคเนื้อจระเข้เป็นอาหาร หรือการใช้ผลิตภัณฑ์จากจระเข้เป็นเครื่องยาในทางการแพทย์แผนจีนโบราณ(Traditional Chinese Medicine)  หรือเครื่องประดับ เครื่องหนัง เข็มขัด กระเป๋า รองเท้าจากหนังจระเข้ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีชาวจีนในบางภาคส่วนที่ยังไม่รู้จักคุ้นเคยกับน้ำมันจระเข้มากนัก

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

แอลลิเกเตอร์จีน(Chinese Alligators)
จระเข้เป็นสัตว์คลานขนาดใหญ่ มีผิวหนังแข็งเป็นเกล็ด ปากยาว ปลายปากนูนสูงขึ้นเป็นช่องเปิดของรูจมูก หางเป็นเหลี่ยม แบน ยาว ใช้โบกว่ายน้ำและใช้ฟาดต่างอาวุธ ตามปรกติหากินในน้ำ ตะเข้หรืออ้ายเข้ก็เรียก อีสานเรียกแข้ ปักษ์ใต้เรียกเข้ ในตำรายาโบราณมักเขียนเป็นจรเข้ เรียกในภาษาอังกฤษว่า Crocodile

แอลลิเกเตอร์จีน หรือ จระเข้ตีนเป็ด (อังกฤษ: Alligators; เรียกสั้น ๆ ว่า เกเตอร์: Gators) เป็นสกุลของสัตว์เลื้อยคลานในอันดับจระเข้ (Crocodilia) ในวงศ์ Alligatoridae ใช้ชื่อสกุลว่า Alligator แอลลิเกเตอร์เป็นจระเข้ที่อยู่ในวงศ์ Alligatoridae ซึ่งแยกมาจากจระเข้ทั่วไปส่วนใหญ่ที่จะอยู่ในวงศ์ Crocodylidae แอลลิเกเตอร์ มีลักษณะที่แตกต่างไปจากจระเข้ในวงศ์ Crocodylidae หรือจระเข้ทั่วไป คือ เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นจะงอยปากสั้นและเป็นรูปตัวยู รูจมูกมีขนาดใหญ่ และเมื่อหุบปากแล้วฟันล่างจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น เพราะมีส่วนปลายของหัวแผ่กว้างและขากรรไกรยาว ส่วนปลายของขากรรไกรล่างซ้ายและขวาเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่แคบ กระดูกแอนโทพเทอรีกอยด์อยู่ห่างจากแถวของฟันที่กระดูกแมคซิลลาเป็นช่องกว้าง กระดูกพาลาทีนมีก้านกระดูกชิ้นยาวอยู่ทางด้านหน้าและยื่นเลยช่องในเบ้าตา พื้นผิวด้านบนของลิ่นมีสารเคอราติน ไม่มีต่อมขจัดเกลือบนลิ้น ปัจจุบัน แอลลิเกเตอร์ มีอยู่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ แอลลิเกเตอร์อเมริกัน (Alligator mississippiensis) ซึ่งถือเป็นสัตว์จำพวกจระเข้ที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ และแอลลิเกเตอร์จีน (A. sinensis)

จระเข้ตีนเป็ดจีน (Chinese Alligator), แอลลิเกเตอร์จีน หรือที่รู้จักกันในชื่อ แอลลิเกเตอร์แห่งแม่น้ำแยงซี (Yangtze alligator)ในประเทศจีน อาศัยอยู่ในทางตะวันออกที่มีสภาพภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ตามแนวชายฝั่งที่ติดกับทะเลเหลืองและทะเลจีนตะวันออก มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มตะกอนน้ำพา เป็นบริเวณอบอุ่น พื้นที่ราบลุ่มน้ำจืด หนองบึง ทะเลสาบ ลำธาร หนองบึงต่างๆ โดยเฉพาะในลุ่มแม่น้ำแยงซีในประเทศจีน  ครั้งหนึ่งมีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของประเทศ แต่ในปัจจุบัน ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งใน 10 อันดับสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งในอนาคตของโลก เนื่องจากปัญหาด้านมลพิษ , อุณหภูมิที่สูงขึ้นรวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงชีวิตของสัตว์เหล่านี้ซึ่งปัจจุบันคาดมีปริมาณแอลลิเกเตอร์จีนอาศัยอยู่ในธรรมชาติราว 120 ตัว

ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ ช่วงอากาศหนาวเย็นที่ยาวนานกินเวลากว่า 6 เดือน ไม่เหมาะสมในการเลี้ยงและเพาะพันธุ์จระเข้  ในทุกปีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอนุรักษ์สัตว์ป่าของรัฐบาลจีน ต้องเข้าเคลื่อนย้ายจระเข้ตีนเป็ดจีน ภายในเขตสงวนพันธุ์จระเข้แม่น้ำแยงซี ในมณฑลอันฮุย เพื่อหนีภัยหนาว จระเข้ตีนเป็ดจีนจะต้องจำศีลในฤดูหนาว และจะย้ายมันออกในเดือนมีนาคมเมื่ออุณหภูมิสูงราว 16 องศา เคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่อื่นที่มีอากาศอบอุ่นกว่า และเอื้อต่อกระบวนการจำศีลตามธรรมชาติของจระเข้

มหัศจรรย์น้ำมันจระเข้
“น้ำมันจระเข้สกัดจากไขมันจระเข้ ซึ่งประกอบไปด้วยกรดไขมันไลโนเลอิกและกรดไขมันโอเมก้า ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่ใช้รักษาอาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง, ผื่นคันเอ็คซีม่า (Eczema) และ โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)” กล่าวโดยพญ.มารี จินน์ (Marie Jhin MD) แพทย์ผู้เชี่ยว ชาญทางด้านผิวหนัง ในแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ อเมริกา และผู้เขียนหนังสือ “เคล็ดลับความงามของเอเชีย (Asian Beauty Secrets)”

น้ำมันจระเข้เป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในเรื่องของน้ำมันที่สร้างความตื่นเต้นประหลาดใจแก่ผู้ใช้ เนื่องจากสามารถใช้ในการบรรเทาปัญหาผิวได้อย่างดีและมีผลอย่างเห็นได้ชัด น้ำมันจระเข้สามารถใช้ช่วยห้ามเลือด,แผลไฟไหม้,แผลน้ำร้อนลวกขนาดเล็ก,อาการไหม้แดด,แผลบาด,รอยถลอก,รอยขีดข่วน,แผลพุพอง,แผลฟกช้ำ,แมลงสัตว์กัดต่อย,รอยครูด,รอยขูด และอาการระคายเคืองผิว อาการบาดเจ็บที่ผิว,ช่วยสมานแผล,ปรับสภาพผิว,รักษาสิว และป้องกันการเกิดสิว,อาการปวดท้อง นอกจากนี้สามารถใช้เป็นน้ำมันนวด,ไล่กันแมลง และขับลม อีกทั้งน้ำมันจระเข้ยังมีประสิทธิภาพที่ดีต่อโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง,ผื่นคันเอ็คซีมา(Eczema),อาการผิวหนังอักเสบ และรอยโรคสะเก็ดเงิน(Psoriasis)” ทั้งนี้น้ำมันจระเข้ได้ถูกใช้มาเป็นระยะเวลายาวนานหลายศตวรรษ ในการรักษาด้วยธรรมชาติเพื่อเยียวยาสมานและบรรเทาอาการเจ็บปวดบนผิวหนัง

สภาพภูมิศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
จีนตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออก บนฝั่งตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก มีพื้นที่ดินประมาณ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากรัสเซียและแคนาดาประเทศจีนมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศต่างๆ ถึง 15 ประเทศ ด้วยมีความยาวถึง 22,800 กม. ข้ามทะเลไปทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้มี เกาหลี ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
     
แผ่นดินใหญ่จีนถูกขนาบทางตะวันออกไปทางใต้ด้วยทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ โดยมีพื้นที่น้ำรวม 4.73 ล้านตาราง กิโลเมตร ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ เป็นส่วนประกอบของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีเกาะเล็กเกาะน้อยถึง 5,400 เกาะ จึงทำให้ประเทศจีนมีอาณาเขตทางทะเลที่ใหญ่มาก เกาะที่ใหญ่ที่สุดมีเนื้อที่ 36,000 ตาราง กิโลเมตร คือ ไต้หวัน ตามด้วยเกาะไหหลำ 34,000 ตาราง กิโลเมตร เกาะ Diaoyu กับเกาะ Chiwei ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของเกาะไต้หวันเป็นเกาะตะวันออกสุดของจีนเกาะน้อยใหญ่ รวมถึงหินโสโครก และ ฝูงปลา ในทะเลจีนใต้ เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นหมู่เกาะทะเลจีนใต้ ซึ่งแบ่งออกเป็นตงชา ซีชา จงชา และหนานชา รวม 4 กลุ่ม
       
พื้นที่ทางด้านตะวันตกของจีนเป็นแนวเทือกเขาสูงชันและที่ราบสูงทิเบต มีเทือกเขาที่สำคัญคือเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีจุดสูงสุดคือยอดเขาเอเวอเรสต์ ทางด้านเหนือของที่ราบสูงเป็นที่ราบแอ่งกระทะขนาดใหญ่คือแอ่งทาลิมซึ่งเป็นพื้นที่ที่แห้งแล้งมาก เป็นที่ตั้งของทะเลทรายอาทากามา ส่วนแม่น้ำที่สำคัญในประเทศจีนและมีต้นกำเนิดในประเทศจีนได้แก่ แม่น้ำเหลือง แม่น้ำแยงซี แม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน
จากข้อมูลข้างต้นจึงเห็นได้ว่าถิ่นที่อยู่สำคัญของจระเข้ตีนเป็ดในจีนนั้น อยู่ในบริเวณทางตะวันออก ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำและมีสภาพอากาศอบอุ่น ต่างจากบริเวณอื่นๆที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นแห้งแล้ง ที่ราบสูง ทุ่งหญ้ากว้างและภูเขาสูงชัน  ผู้คนในบริเวณดังกล่าวและใกล้เคียงจึงมีความคุ้นเคยและนิยมใช้น้ำมันจระเข้มากกว่าภูมิภาคอื่นที่คุ้นเคยกับการใช้น้ำมันม้ามากกว่า

น้ำมันม้าคืออะไร
น้ำมันม้า(Horse oil) คือ น้ำมันที่สกัดจากไขมันม้าบริเวณโคนหางและแผงคอม้า 

วัฒนธรรมการใช้น้ำมันม้าคาดว่าเกิดในสมัยจีนโบราณตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 16   ที่มีการใช้น้ำมันม้าเป็นการแพทย์พื้นบ้าน(Folk Medicine)ที่มีความเชื่อและถือปฏิบัติกันมายานานจนกลมกลืนกับวัฒนธรรม ก่อนที่จะแพร่หลายไปยังประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 1,000 ปีก่อน และประเทศเกาหลีในเวลาต่อมา
ในบันทึกตำรายาสมุนไพรและการแพทย์แผนจีนโบราณ “เปิ่นเฉ่ากังมู่ (The Compendium of Materia Medica)”   "Compendium of Materia Medica" โดยหลี่สือเจิน  กล่าวถึงน้ำมันม้าว่ามีคุณประโยชน์บำรุงการเจริญเติบโตของเส้นผม ,ลดจุดด่างดำ กระ ,รักษาอาการโรคริดสีดวงทวาร,ผิวแห้งแตก และฟื้นฟูอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ

น้ำมันม้ามีความชุ่มชื้นสูงอุดมด้วยกรดไขมันจำเป็นโดยเฉพาะกรดไขมันไลโนเลอิก (linolenic acid) ที่พบว่ามีปริมาณสูงกว่าเมื่อเทียบในวัวและแกะ  ร่วมกับสารสำคัญที่มีคุณประโยชน์ต่อผิวมากมาย โดยมีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวที่แห้งแตกจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและแห้งแล้ง เสริมสร้างความแข็งแรงปราการชั้นผิว ลดอาการอักเสบ ใช้สมานแผล แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แมลงสัตว์กัดต่อย อาการหอบหืด ติดเชื้อราที่เท้า ฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อโรคบรรเทาอาการจากโรคผิวหนังต่างๆ ไปจนถึงการบำรุงลดการหลุดร่วงของเส้นผม และด้วยคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับน้ำมันที่ถูกสร้างบนผิวหนังของมนุษย์ จึงซึมทราบเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างดี ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ และปลอดภัยต่อผู้ใช้ทุกเพศทุกวัย
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์บำรุงและดูแลผิวจากน้ำมันม้า(Horse oil skincare)เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน และประเทศจีนแผ่นดินใหญ่  โดยเฉพาะในแถบฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น น้ำมันม้าเป็นที่นิยมอย่างมากเนื่องจากช่วยให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและหนาวเย็น ทั้งนี้ในประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการบริโภคเนื้อม้าดิบ(Basashi-Raw horse) จึงมีการตั้งฟาร์มเลี้ยงม้าเพื่อจำหน่ายเนื้อเป็นหลักและนำไขมันมาสกัดเป็นน้ำมันใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ(Health & Beauty Industry)

ความนิยมน้ำมันจระเข้ในกลุ่มคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื้อสายจีน
ในกลุ่มคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เชื้อสายจีน โดยเฉพาะในแถบประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย นั้นต่างรู้จักและคุ้นเคยกับการใช้น้ำมันจระเข้ในเชิงยาแผนโบราณเป็นอย่างดี ทั้งประโยชน์ในด้านการบำรุงให้ความชุ่มชื้นผิว ลดริ้วรอย บรรเทาปัญหาโรคผิวหนัง ผิวแห้ง แตก ตกสะเก็ด สมานแผล สิวและผิวอักเสบ และอื่นๆ  ในประเทศสิงคโปร์มีผลิตภัณฑ์น้ำมันจระเข้จำหน่ายอย่างแพร่หลาย และส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศอีกด้วย กลุ่มผู้ผลิตสินค้าน้ำมันจระเข้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทยา อาทิเช่น Chop Wah On บริษัทยาน้ำมัน(Medicated oil)ที่ก่อตั้งและผลิตน้ำมันจระเข้มาตั้งแต่ปี 1916  โดยใช้เทคนิควิธีการผลิตเฉพาะด้วยมือ(Handmade) ส่งต่อจากรุ่นต่อรุ่น และจัดจำหน่ายน้ำมันจระเข้ภายใต้แบรนด์  Shake Hand Brand, Fei Fah บริษัทยาเก่าแก่ตั้งแต่ปี 1950 ที่มีชื่อเสียงในด้านผลิตภัณฑ์ยาหม่อง,ยาขี้ผึ้งและยาบรรเทาปวด จัดจำหน่ายน้ำมันจระเข้ภายใต้แบรนด์ Ripple หรือฟาร์มจระเข้ ซึ่งในปัจจุบันเหลือเพียง Long Kuan Hung Crocodile Farm ฟาร์มจระเข้เก่าแก่ในสิงคโปร์ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1964 และมีจระเข้กว่า 13,000 ตัว แหล่งสุดท้ายที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันจระเข้ภายใต้แบรนด์ Long Kuan Hung

จากข้อสังเกตที่พบว่ามีความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบในแง่ของความคุ้นเคย ประสบการณ์และความนิยมในการใช้น้ำมันจระเข้ในหมู่ชาวจีนแต่ละภูมิภาค ทั้งชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ ,ฮ่องกง,ไต้หวัน ไปจนถึงถิ่นของชาวจีนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสิงคโปร์และมาเลเซีย  ถึงแม้น้ำมันจระเข้และบันทึกการใช้ส่วนต่างๆจากจระเข้เป็นเครื่องยาในการแพทย์แผนจีนก็ตาม คาดว่าเกิดจาก 2 สาเหตุหลักคือ
1. สภาพภูมิประเทศ
เนื่องด้วยสภาพภูมิศาสตร์ในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในสภาพภูมิศาสตร์ที่มิใช่แหล่งอาศัยสำคัญของจระเข้  ขาดการเข้าถึงโดยง่ายของแหล่งไขมันดิบที่จะใช้ในการผลิตน้ำมันจระเข้ รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากส่วนต่างๆของจระเข้ 
โดยเฉพาะในบางภูมิภาคที่มีภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงทุ่งหญ้ากว้าง ปศุสัตว์ ล่าสัตว์ เลี้ยงม้าใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิต การเกษตรและการเดินทาง ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกใช้ประโยชน์จากน้ำมันที่สกัดจากไขมันม้าหรือสัตว์อื่นๆในพื้นที่
2.รูปแบบและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต
โดยพบว่ามีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ด้วยอิทธิพลจากการอพยพย้ายถิ่นฐานของประชากร การติดต่อค้าขายของพ่อค้านักเดินทางซึ่งก่อให้เกิดการเผยแพร่วัฒนธรรมตามเส้นทางการค้า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง การเข้าครอบครองดินแดนของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกและจากอดีตเจ้าอาณานิคม ก่อให้เกิดการเผยแพร่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน
นอกจากการเผยแพร่วัฒนธรรมการใช้น้ำมันม้าระหว่างจีน,ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ ในแถบเอเชียตะวันออก ส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่สำคัญของจระเข้น้ำจืด Crocodylus siamnensis นั้น วัฒนธรรมการใช้น้ำมันจระเข้ก็ได้รับความนิยม และเกิดการเผยแพร่กันในระหว่างประเทศไทย,มาเลเซีย,สิงคโปร์,อินโดนีเซีย, ฟิลิปินส์ ไปจนถึงประเทศออสเตรเลีย ในทวีปออสเตรเลีย ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่สำคัญของจระเข้น้ำเค็ม Crocodylus porosus

การศึกษาถึงประสิทธิภาพของน้ำมันม้าและน้ำมันจระเข้
ปัจจุบันยังไม่พบการศึกษาหรืองานวิจัยใดที่เปรียบเทียบสาระสำคัญและประสิทธิภาพระหว่างน้ำมันจระเข้และน้ำมันม้า แต่หากพิจารณาในด้านการศึกษาในหนูทดลองหรือมนุษย์ ถึงประสิทธิภาพในการบรรเทา รักษาปัญหาทางผิวหนัง ปัจจุบันยังมีเพียงน้ำมันจระเข้ ที่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันจระเข้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกในหนูทดลอง,การศึกษาด้วยการใช้น้ำมันจระเข้ร่วมกับสารสกัดจากพืชสมุนไพรจีนในรูปแบบของยาขี้ผึ้งรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกในหนูทดลองรวมไปถึงการใช้น้ำมันจระเข้ลดอาการเจ็บปวดและอาการอักเสบในหนูทดลอง และการศึกษาที่ใช้โลชั่นบำรุงผิวกายที่มีส่วนผสมของน้ำมันจระเข้ทดสอบในอาสาสมัคร  เพื่อศึกษาถึงสภาพผิวที่เปลี่ยนไปเมื่อใช้ในระยะสั้นและระยะยาว

Reference:
 1.http://www.somsiritours.com/index.aspx?ContentID=ContentID-100508090123929
2.Wikipedia
3.https://theculturetrip.com/asia/japan/articles/everything-you-need-to-know-about-horse-oil-hokkaidos-famous-beauty-product/
4.http://lashesinthelush.blogspot.com/2016/02/asian-ingredients-discovered-horse-oil.html
5.บทความเรื่อง “Crocodile Oil to Relieve the symptoms of Psoriasis” โดยเว็บไซต์ menshealthonly.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 น้ำมันเพื่อจู๋แข็งแรง

การสกัดน้ำมันสัตว์:การเจียว(Rendering)